จากบทความเรื่อง CryptoCurrency ที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านั้น เราจะทราบว่า การที่เราจะได้มาซึ่ง เหรียญ Cryptocurrency ต่างๆนั้น มีวิธีการหลักๆ คือ การถอดรหัส หรือ เรียกว่าการขุด และอีกวิธีคือการซื้อขายโดยตรง ทั้งจากบุคคล หรือตลาดซื้อขาย เช่น Bx.in.th วันนี้ จะมาแนะนำเรื่อง การประกอบเครื่องขุดเหรียญ Cryptocurrency หรือที่ผู้คนเรียกว่า ขุด bitcoin สำหรับผู้เริ่มต้น
การขุดบิทคอยน์ และเหรียญ Altcoins (เหรียญอื่นๆ นอกเหนือจาก Bitcoin) นั้น มีวิธีการหลักๆอยู่ 2 วิธี คือ
- การขุดด้วยเครื่องขุดด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์, เครื่องขุดเฉพาะ เช่น Asic เป็นต้น
- การขุดด้วย Cloud mining คือ การขุดด้วยการซื้อแรงขุดจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการต่างๆ เช่น Genesis, Nicehash ซึ่งเป็นเว็บขุดขนาดใหญ่
ในการขุดบิคอยน์และเหรียญ Altcoins นั้น จะมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการขุดที่เราต้องรู้ ได้แก่
- Algorithm ซึ่ง แต่ละเหรียญจะมี Algorithm ที่เหมือนหรือแตกต่างกัน ตามแต่ผู้สร้างเหรียญจะกำหนดขึ้นมา ซึ่ง Algorithm จะเป็นสิ่งที่นักขุดเอาไว้พิจราณาและเลือกใช้เพื่อความเหมาะสมกับอุปกรณ์ของเรา เช่น Algorithm ของบิทคอยน์ คือ SHA256 นั่นหมายความว่า อุปกรณ์ที่จะขุดบิทคอยน์ได้นั้น จะต้องมี Algorithm SHA256 , หรือ Algorithm ของ Ethereum คือ Ethash (หรือ dragger hashimoto) ถ้าจะขุดเหรียญ Ethereum อุปกรณ์เราต้องมี Algorithm Ethash เป็นต้น
- ค่า Diff หรือ ค่าความยาก อะไรก็ตามถ้ามันมีน้อยและมีคนต้องการมาก การแย่งยิงก็ย่อมมากขึ้น ทำให้การขุดจะยากขึ้น ได้น้อยลง ซึ่งนักขุดจะต้องพิจารณาว่า เราควรขุดเหรียญอะไร แบบไหน เพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานั้นๆ
- ราคาเหรียญ แน่นนอนว่า ราคาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเหรียญที่เราขุดนั้น ราคาสูง มันก็หมายถึง รายได้เราี่จะสูงขึ้นตาม
สิ่งต่างๆเหล่านี้ นักขุดสามารถพิจารณาและตรวจสอบได้จากเว็บ whattomine ซึ่งเราจะทราบว่า ในช่วงเวลาต่างๆ เหรียญใดที่เราจะขุดได้คุ้มค่าที่สุด เมื่อพิจารณา Algorithm ค่าDiff ราคา จากอุปกรณ์ที่เรามีอยู่
การขุด Bitcoin ด้วยเครื่องขุด เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์บ้านๆของเรามาขุดเหรียญ Altcoin ได้ หรือ เราจะใช้เครื่องขุดเฉพาะ อย่างเครื่องที่เรียกว่า ASIC มาขุด ก็ได้ ตามแนวทางและงบประมาณของเรา
เครื่อง ASIC คืออะไร? เครื่อง ASIC (Application Specific Integrated Circuit) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหน้าที่พิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกรณีนี้คือการสร้างขึ้นมาเพื่อขุดเฉพาะ algorithm นั้นๆ ซึ่ง จะเป็นเครื่องเฉพาะสำหรับการขุดเหรียญแต่ละอย่าง เช่น ขุดเฉพาะ Bitcoin หรือเหรียญที่ใช้ Algorithm แบบเดียวกับ บิทคอยน์
เครื่อง ASIC
ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับขุดบิทคอยน์ เราจะใช้แรงประมวลผลของ CPU และ การ์ดจอ(GPU) ในการขุด (บางเหรียญสามารถใช้ความจุ ฮาร์ทดิส ในการขุด) ซึ่งแน่นนอนว่า การที่เราจะสามารถขุดเหรียญได้ดี ได้มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ พลังความสามารถของ CPU และ GPU ว่าง่ายๆก็คือ คุณต้องใช้ CPU หรือ GPU ที่ดีี่สุด เท่าที่จะหามาได้ด้วยกำลังทรัพย์ของคุณ เพื่อจะได้มาซึ่งเหรียญ Cryptocurrency ที่ต้องการ
อยากประกอบเครื่องสำหรับขุดบิทคอยน์ จะเริ่มอย่างไร?
การประกอบเครื่องขุดบิคอยน์ หรือที่เรียกว่า ริก (rig) จริงๆมันก็คือ เครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือ PC แบบที่เราใช้งานทั่วไป เพียงแต่เราจะเน้นการประมวลผลที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วย CPU และ การ์ดจอ (GPU) แต่ในสภาพปัจจุบัน การขุดได้รับความนิยมมากขึ้นทำให้ค่า Diff สูงขึ้นมาก การขุดด้วย CPU จึงได้ผลตอบแทนน้อย หรือไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร ดังนั้น การขุดด้วย การ์ดจอ (GPU) มีความคุ้มค่าและเป็นที่นิยมกว่า
การขุดด้วยการ์ดจอ ก็คือการใช้แรงประมวลของการ์ดจอเพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถประมวลผลได้หลากหลาย Algorithm ดังนั้น เครื่องขุดของเรา จะเน้นเฉพาะการ์ดจอที่คุณภาพสูงที่สุด ซึ่งยิ่งมีมาก ก็สามารถขุดได้มาก ตามกำลังทรัพย์ของเรา และแน่นอนว่า ในการประกอบคอมพิวเตอร์สำหรับขุดเหรียญ Cryptocurrency เราจะพยายามใส่ การ์ดจอคุณภาพสูงในจำนวนหลายๆใบ ตามแต่ เมนบอร์ดจะรองรับ ซึ่งหน้าตาของเครื่องขุด ก็จะออกมาประมาณ ตามรูปล่างนี้
เครื่องขุดเหรียญ Cryptocurrency แบบการ์ดจอ
หน้าตาของเครื่องขุด ก็ขึ้นอยู่กับนักขุดจะดีไซด์ ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรกับการขุด เครื่องขุดตามมาตรฐานทั่วไป ที่เรียกว่า ริก (Rig) นั้น จะประกอบไปด้วย การ์ดจอจำนวน 6 ใบ แต่จริงๆแล้ว เราสามารถใช้การ์ดจอเพียง 1 ใบ ก็สามารถขุดได้ แต่การที่มีหลายใบ กำลังขุดก็จะมากขึ้น (ต้นทุนก็สูงขึ้นด้วย)
อุปกรณ์สำหรับเครื่องขุดเหรียญ Cryptocurrency มีอะไรบ้าง
อย่างที่กล่าวไว้ จริงๆมันก็คือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ PC ที่เราใช้งานทั่วๆไป ซึ่งมีอุปกรณ์ต่าง ดังนี้
- เมนบอร์ด ซึ่ง เราจะต้องเลือกเมนบอร์ดที่รองรับ การ์ดจอจำนวนมากๆ (ช่อง PCI) ตั้งแต่ 6 ช่องขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีเมนบอร์ดสำหรับการขุดที่ใส่การ์ดจอได้ถึง 16 ใบ
- CPU ซึ่งในกรณีนี้ เราไม่เน้นการประมวลผลจาก CPU มากนัก เราจึงสามารถใช้ แบบประหยัด ไม่จำเป็นต้องแรงมากก็ได้
- ฮาร์ดดิส สำหรับลงโปรแกรม จะใช้ SSD หรือ HDD ก็ได้ ตั้งแต่ 120gb ขึ้นไป
- RAM ใช้ขนาด 4GB ก็พอเพียง
- PSU พาวเวอร์ซัพพลาย สำหรับจ่ายไฟ ในส่วนนี้ เราต้องเลือกกำลังสูงและคุณภาพดีหน่อยตามจำนวนไฟที่จะใช้ ซึ่งพิจารณาจากการ์ดจอเป็นหลัก ว่ารุ่นที่เราใช้จะต้องใช้ไฟเท่าไร ตั้งแต่ 750W -1300W และควรเป็นระดับ 80+ Bronz ขึ้นไป (แนะนำระดับ 80+Gold หรือ Platinum ดีี่สุด) หรือเราจะใช้ PSU 2 ลูกก็ได้ตามจินตนาการ (ใช้ 2 ลูก อาจประหยัดกว่า)
- Riser เป็นอุปกรณ์ี่เชื่อมต่อการ์ดจอ แบบ x16 ต่อกับเมนบอร์ด ตามจำนวนการ์ดจอที่ต้องการ
- เคส เลื่อกได้ตามต้องการ
- GPU การ์ดจอ ตัวเอกของงาน การ์ดจอที่สามารถขุดได้ มีมากมายหลายรุ่น ซึ่งแน่นอนว่าการ์ดจอนั้นจะมาจาก 2 ค่าย ยักษ์ใหญ่อย่าง NVIDIA และ AMD Radeon
ในการเลือกใช้การ์ดจอนั้น เริ่มจากเป้าหมายของเราก่อน ว่า ต้องการขุดเหรียญแบบใดเป็นพิเศษ เช่น เหรียญที่ใช้ Algorithm Ethash (Ethereum), Cryptonight (Monero) ควรจะเลือกทางค่าย AMD หรือถ้าเราต้องการขุด Algorithm Equihash (Zcash, Bitcoin Gold) ควรเลือกค่าย NVIDIA เป็นหลัก
และแน่นนอนว่า ต้องดูต้นทุนของเราเองด้วยว่า สามารถจะลงทุนได้ขนาดไหน ซึ่งราคาการ์ดจอที่สามารถขุดได้ในปัจจุบัน มีตั้งแต่ราคา 3500 - 40000 บาทต่อใบ การ์ดจอราคาถูกระดับต้นๆ กำลังขุดก็จะน้อยกว่า และการ์ดจอตัวแพงขึ้น กำลังก็สูงมากขึ้นด้วย ซึ่งเราสามารถ ดูว่า การ์ดจอแต่ละรุ่น จะขุดได้เท่า (คำนวนเบื้องต้น) จากเว็บนี้ การ์ดจอแต่ละรุ่นขุดได้เท่าไร
การใช้การ์ดจอสำหรับขุดเหรียญ เราสามารถใช้หลายๆรุ่น คละกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นเดียวกันหมด เพราะการ์ดแต่ละใบ จะทำงานของตัวเองโดยไม่ได้ก้าวก่ายการ์ดตัวอื่นๆ เพียงแต่กำลังประมวลผลรวมกันเพื่อราบถึงแรงขุดทั้งหมดของเราเท่านั้น และขุดได้ตั้งแต่ 1 ใบ ดังนั้น ใครที่ทุนน้อย ก็เริ่มจากเล็กๆไปก่อน ค่อยๆเพิ่มทีหลังได้
สำหรับราคาเครื่องขุดบิทคอยน์ 1 ริก นั้น จะตกประมาณ 40000 - 150000 บาท แล้วแต่การ์ดจอแต่ละรุ่น
สำหรับราคาเครื่องขุดบิทคอยน์ 1 ริก นั้น จะตกประมาณ 40000 - 150000 บาท แล้วแต่การ์ดจอแต่ละรุ่น
เมื่อเราได้อุปกรณ์ครบแล้ว เราก็เอามาประกอบ ลง OS และโปรแกรมต่างๆที่จำเป็นต้องใช้เหมือนคอมใช้งานทั่วไป และโปรแกรมสำหรับขุด เหรียญต่างๆ
ก่อนการขุดเราต้องรู้ว่า เครื่องเราสามารถขุดเหรียญอะไรได้ดีที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นว่า ต้องเป็นเหรียญที่คนนิยม อาจเป็นเหรียญเล็กๆ ที่คนขุดน้อย ราคาถูก แต่เราอาจขุดได้ปริมาณมาก และมาลุ้นราคาในอนาคตว่าจะขึ้นได้มากขนาดไหน โดยเราสามารถคำนวณการขุดได้จากเว็บนี้ Whattomine
การขุดเหรียญ ด้วยการ์ดจอ ปัจจุบัน ไม่สามารถขุด บิทคอยน์ได้โดยตรง เพราะการ์ดจอ ไม่รองรับ Algorithm ของบิทคอยน์ แต่เหรียญต่างๆที่ขุด จะสามารถแลกเป็นบิทคอยน์ ได้
เมื่อจะขุดเหรียญอะไรก็ตาม เราจะต้องมี กระเป๋า Wallet สำหรับรับเหรียญก่อน ซึ่งเราสามารถ ดาวน์โหลดจากเว็บของเหรียญนั้นๆ หรือผู้ให้บริการกระเป๋าเก็บเหรียญต่างๆ หรือจะใช้กระเป๋าจากเว็บเทรด เช่น Bx, Cryptopia, Yobit, Bittrex เป็นต้น
เมื่อเราได้กระเป๋าเก็บเหรียญแล้ว เราสามารถเริ่มต้นขุด โดยจะต้องเลือก Pool สำหรับขุดเหรียญต่างๆ การกำหนดค่าการขุด ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรม และ Pool ต่างๆจะกำหนด ( Pool ก็คือ สถานที่สำหรับขุดเหรียญโดยมีหลายๆคนช่วยกันขุด เพื่อให้สามารถถอดรหัสบ็อคต่างๆเร็วขึ้น ซึ่งแต่ละเหรียญจะใช้กำลังขุดมากน้อยต่างกัน และลำพังเครื่องขุดหนึ่งเครื่อง ไม่อาจขุดได้ในเวลาอันสั้น จึงต้องมีการช่วยกันขุด ซึ่งเรียกว่า Pool สำหรับขุด)
เมื่อเราได้เหรียญตามต้องการแล้ว เราก็สามารถนำมาซื้อขายตามตลาดต่างๆ อย่าง ตลาดซื้อขาย บิคอยน์ และเหรียญ Cryptocurrency สำหรับคนไทย ได้แก่ Bx.in.th และตลาดอื่นๆ ที่มีเหรียญให้ซื้อขาย หลายๆเหรียญที่นิยม อย่าง Cryptopia, Yobit, Bittrex, Poloniex , Bitfinex เป็นต้น
ทำไมถึงต้องสมัครหลายๆตลาด ก็เพราะว่า แต่ละแห่งจะมี เหรียญ หลากหลายทั้งแตกต่างและเหมือนกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างกัน เหรียญ Cryptocurrency นั้นมีเหรียญใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา บางเหรียญที่เราขุด เว็บหนึ่งอาจไม่มีให้เทรด หรือค่าธรรมเนียมแพงกว่า ดังนั้น เพื่อให้ครอบคลุม การสมัครหลายๆที่ก็ไม่เสียหาย และกระจายความเสียงด้วย
สุดท้าย อยากเตือนไว้ว่า การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนการลงทุน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น