ขอต้อนรับสู่ Freedom Jobs เว็บบล็อกสำหรับคนรัก อาชีพอิสระ ...
ในปัจุบันนี้ เชื่อว่าหลายๆคนกำลังมองหา อาชีพอิสระ ที่เลือกได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร ทำเอง จัดการเอง กินเอง และ ถ้ายิ่งได้อยู่กับครอบครัว อยู่กับธรรมชาติ ที่อากาศบริสุทธิ์ด้วยแล้ว คงเป็นอะไรที่วิเศษที่เดียว แน่นอนครับ เรามีอาชีพที่น่าสนใจมาแนะนำ ซึ่งก็มีทั้ง ด้านการเกษตร การเงิน คอมพิวเตอร์ การหารายได้เสริมออนไลน์ (หารายได้จากเน็ต) ..
มีอะไรบ้างก็ติดตามหาข้อมูลได้เลยครับ...

กระดานเทรดเหรียญคริปโตของไทย

BX.in.th Bitcoin Exchange Thailand

การเพาะเห็ดนางฟ้า

เห็ดนางฟ้า
เห็ดนางฟ้ามีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับเห็ดนางรม ชื่อ "เห็ดนางฟ้า"เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในเมืองไทย คนไทยบางคนเรียกว่าเห็ดแขก เนื่องจากมีผู้พบเห็นเห็ดนี้ครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย พบขึ้นตามธรรมชาติบนตอไม้เนื้ออ่อนที่กำลังผุ ในแถบเมืองแจมมู (Jammu) บริเวณเชิงเขาหิมาลัย ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Pleurotus sajor-caju (Fr.) Singer เห็ดนางฟ้าถูกนำไปเลี้ยงในอาหารวุ้นเป็นครั้งแรกโดย Jandaik ในปี ค.ศ. 1947 ต่อมา Rangaswami และ Nadu แห่ง Agricultural University, Coimbattore ในอินเดียเป็นผู้นำเชื้อบริสุทธิ์ของเห็ดนางฟ้าเข้ามาฝากไว้ที่ American Type Culture Collection (ATCC) ในอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1975 และเมื่อปี ค.ศ. 1977 ทางกองวิจัยโรคพืช กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้นำเชื้อจาก ATCC เข้ามาประเทศไทยเพื่อทดลองเพาะดู ปรากฏว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดี
อีกสายพันธุ์หนึ่งเป็นเห็ดที่มีผู้นำเข้ามาจากประเทศภูฐาน มาเผยแพร่แก่นักเพาะเห็ดไทย ได้มีการเรียกชื่อเห็ดนี้ว่า เห็ดนางฟ้าภูฐาน มีหลายสายพันธุ์ซึ่งชอบอุณหภูมิที่แตกต่างกัน บางพันธุ์ออกได้ดีในฤดูร้อนบ้างพันธุ์ออกได้ดีในฤดูหนาว เป็นที่นิยมมาเพาะเป็นการค้ากันมาก
ลักษณะของดอกเห็ดนางฟ้า มีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ดเป๋าฮื้อ และดอกเห็ดนางรม เมื่อเปรียบเทียบกับเห็ดเป๋าฮื้อ ดอกเห็ดนางฟ้าสีจะอ่อนกว่า และมีครีบอยู่ชิดกันมากกว่า เห็นนางฟ้าสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นนานได้หลายวัน เช่นเดียวกับเห็ดเป๋าฮื้อ เนื่องจากเห็ดชนิดนี้ไม่มีการย่อตัวเหมือนกับเห็ดนางรม ด้านบนของดอกจะมีสีนวลๆ ถึงสีน้ำตาลอ่อน ในอินเดียดอกเห็ดมีขนาดตั้งแต่ 5 - 14 เซ็นติเมตร และจะมีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 30 - 120 กรัม เห็ดนางฟ้ามีรสอร่อย เวลานำไปปรุงอาหารจะมีกลิ่นชวนรับประทาน เห็ดชนิดนี้สามารถนำไปตากแห้ง เก็บไว้เป็นอาหารได้ เมื่อจะนำเห็ดมาปรุงอาหาร ก็นำไปแช่น้ำเห็ดจะคืนรูปเดิมได้
เห็ดนางฟ้าเติบโตดีที่ pH. 5 - 5.2 (คือเป็นกรดเล็กน้อย) อุณหภูมิที่เหมาะมากต่อเส้นใยคือ 32 องศาเซลเซียส และสร้างดอกเห็ดได้ดีที่ 25 องศาเซลเซียส เส้นใยสีขาวจัด มีความสามารถเชื่อมต่อเส้นใยได้ดี ให้น้ำตาลในแง่ของอาหารคาร์โบไฮเดรตได้ดีกว่าพวก โพลีแซคคาไรค์ หรืออาหารซับซ้อน

วงจรชีวิต ดอกเห็ดนางฟ้าเมื่อโตเต็มที่จะสร้างสปอร์บริเวณครีบ โดยการปล่อยสปอร์เมื่อแก่ออก เป็นระยะ ๆ เมื่อดอกเห็ดปล่อยสปอร์ออกมาแล้ว สปอร์ก็ปลิวไปตามกระแสลมไปตกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ก็จะงอกออกมาเป็นเส้นใยขั้นต้นมี 1 นิวเคลียส เส้นใยขั้นที่ 1 เมื่อเจริญเต็มที่แล้ว ก็จะมารวมตัวกัน ซึ่งอาจมาจากต่างสปอร์กัน การรวมตัวของเส้นใยขั้นที่ 1 จะเป็นการเชื่อมกัน แล้วถ่ายทอดนิวเคลียสมาอยู่ในเซลเดียวกัน กลายเป็นเส้นใยขั้นที่ 2 แล้ว ก็จะเจริญเติบโต และสร้างเส้นใยเห็ดแทนเส้นใยขั้นที่ 1 อย่างรวดเร็วบนอาหาร เมื่อเส้นใยขั้นที่ 2 เจริญบนอาหาร และโตเต็มที่แล้ว จะสะสมอาหารแล้วรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อสร้างดอกเห็ดต่อไป

การเพาะเห็ดนางฟ้า มี 4 ขั้นตอนด้วยกัน

1. เริ่มเรียนรู้วิธีการกินเห็ด เราจะทำธุรกิจเห็ดต้องกินเห็ดเก่ง ต้องปรุงอาหารจากเห็ดหลายชนิด ทำให้อร่อยด้วย สามารถแนะนำผู้ซื้อเห็ดไปปรุงเองได้อย่างมั่นใจ เช่นนี้ทำให้เราพร้อมต่อการขายเห็ด

2. ผลิตดอกเห็ดขาย 90% ของฟาร์มเห็ดที่ทำอยู่เริ่มจากวิธีนี้ โดยทำโรงเรือนขนาดย่อมๆ เพื่อใช้เพาะเอาดอกเห็ด ซื้อถุงเชื้อจากฟาร์มมาผลิตดอก โดยหาความชำนานและความรู้ไปเรื่อยๆ จนเชี่ยวชาญ ขั้นนี้อย่าเพิ่งลงทุนทำถุงเชื้อเอง ให้ซื้อถุงเชื้อจากฟาร์มที่ทำขายดีกว่า เริ่มจากน้อยๆ ทยอยทำ ได้เห็ดมาก็นำไปขายตลาด ขายเองหรือส่งแม่ค้าก็ได้ ขยายตลาดดอกเห็ดเพิ่มมากขึ้นไปเป็นลำดับ จนตลาดใหญ่ขึ้นและสม่ำเสมอดีแล้วจึงคิดผลิตถุงเชื้อ แต่ถ้าตลาดไปไม่ได้ก็หยุดแค่นั้น ไม่ขาดทุนมาก
3. ผลิตถุงเชื้อเห็ด ถ้าตลาดรับซื้อเห็ดและถุงเชื้อมากพอ จึงตั้งหน่วยผลิตถุงเชื้อได้ แต่ถ้าคำนวณว่าซื้อถุงถูกกว่าผลิตเองก็ไม่ควรทำ ควรไปดูฟาร์มทำถุงเชื้อหลาย ๆ ฟาร์ม แล้วมาคำนวณว่าเครื่องมือและวิธีการแบบใดดีที่สุด เตรียมการเอาคนคุมงานไปฝึกงานในฟาร์ม หรือติดต่อจ้างคนชำนาญในฟาร์มเก่ามาทำฟาร์มใหม่ ขั้นตอนนี้ก็ควรซื้อเชื้อข้าวฟ่าง ยังไม่ควรทำเอง การลงทุนขนาดเล็กจะใช้หม้อต้มไอน้ำต่างหาก (สตีมเม่อร์) แล้วต่อท่อมาอบถุงขี้เลื่อยในอีกหม้อต่างหาก ถ้างานนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นสมควร แล้วค่อยผลิตเชื้อข้างฟ่างและซื้อวุ้นต่อไป
4. ผลิตเชื้อวุ้นและเชื้อข้าวฟ่าง เริ่มทำเมื่องานฟาร์มมีขนาดใหญ่มาก สำหรับระยะ 1 - 2 ปี ที่ผ่านมานั้นถ้ายังไม่ทำเชื้อวุ้นและเชื้อข้าวฟ่างมาก่อน ก็ไม่ควรทำขึ้นใหม่ มีผู้ทำขายมากอยู่แล้ว ซื้อเขาใช้ดีกว่า นอกจากจะห่างไกลซื้อยากจริงๆ แล้วต้องใช้มากจึงค่อยทำ

วิธีการ และ วัตถุดิบ

การเพาะเห็ดนางฟ้า หรือเห็ดในสายพันธุ์นางรมทุกชนิดเป็นเห็ดที่กินหรือเจริญได้ในพวกเวลลูโลส เช่นพวกไม้ หญ้า ฟางข้าว แต่ที่นิยมใช้เป็นวัสดกุเพาะได้แก่พวกขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือพวกไม้เนื้ออ่อนทุกชนิด โดยเฉพาะขี้เลื่อยไม้ยางพารามีมากทางภาคใต้ จึงเหมาะในการเพาะเห็ดมาก ก่อนที่ท่านจะทำการเพาะเห็ดนางฟ้าให้ได้ท่านจะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างให้พร้อมดังนี้

1. ขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือไม้เนื้ออ่อน จำนวน100 ก.ก.(ในการทำครั้งละ100ก.ก.)

2. ดีเกลือที่มีขายตามท้องตลาด ราคา ก.ก.ละ 10-20 บาท ใช้ประมาณ 2-3ขีด

3. ปูนขาวหรือยิปซัม จำนวน 1 ก.ก. เพื่อปรับสภาพการเป็นกรดของวัสดุเพาะ

4. รำข้าวละเอียด จำนวน 3-5 ก.ก.

5. ถุงทนร้อนพับก้นขนาด 6 นิ้วครึ่ง คูณ 12 นิ้ว ก.ก.ละ 60-70 บาท (ก.ก.จะบรรจุได้250ถุง)

6. คอขวดสำหรับสวมปากถุง มีจำหน่ายอันละ 35 สตางค์

7.ฝาปิดปากถุง อันละ 65 สตางค์

8. สำลีสำหรับปิดฝา

9. ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร มีฝาปิด(แล้วแต่จะทำมากหรือน้อย 1 ถังบรรจุถุงได้ 80-90ถุง)

วิธีทำ นำขี้เลื่อย จำนวน 100 ก.ก.ดีเกลือ 3 ขีด ปูนขาวหรือยิปซัม 1กก. รำละเอียด 3-5 กก.นำมาคลุกเคล้าผสมให้เข้ากันแล้วใส่น้ำสะอาดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยอย่าใส่น้ำจนเปียกหรือแฉะทดสอบได้โดยการกำขี้เลื่อยที่ผสมเรียบร้อยแล้วว่าจับกันเป็นก้อนดีหรือไม่โดยไม่มีน้ำไหลออกมาและเมื่อคลายมือออกขี้เลื่อยจับกันเป็นก้อนดีเป็นอันว่าใช้ได้ แล้วนำมาบรรจุถุงใส่ถุงให้เกือบเต็มแล้วอัดให้แน่นอย่าให้หลวม จากนั้นนำคอขวดมาสวมแล้วพับปากถุงลงมาปิดด้วยฝาปิดที่อัดด้วยสำลีเรียบร้อยแล้ว เป็นอันว่าได้ก้อนปุ๋ยแล้ว นำก้อนปุ๋ยที่ได้ไปนึ่งในถัง 200 ลิตรโดยทำชั้นวางก้อนไว้ใส่น้ำทำการนึ่ง โดยจะต้องดูให้น้ำเดือดก่อนโดยมีไอน้ำพุ่งออกมาจึงปิดฝาให้สนิทแล้วเริ่มจับเวลาจะต้องนึ่งให้ได้ 2-3 ชั่วโมง เมื่อได้เวลาแล้วตั้งก้อนปุ๋ยให้เย็นแล้วนำเชื้อเห็ดที่เจริญเต็มที่ในเมล็ดข้าวฟ่างมาเขี่ยใส่ถุง ในการทำทุกขั้นตอนจะต้องมีความสะอาดเพราะเชื้อราอื่นๆที่อยู่ในอากาศจะเข้าไปทำลายได้โดยเฉพาะราเขียวจะทำให้ก้อนเชื้อไม่เดินเส้นใย(สามารถเช็ดด้วยแอลกอฮอล์) จากนั้นปิดด้วยกระดาษไม่ต้องปิดด้วยฝาปิดเพราะจะได้นำไปทำต่ออีก เมื่อเขี่ยเชื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำก้อนเชื้อไปวางเรียงก้อนใว้ในที่ร่มหรือโรงเรือนที่เตรียมไว้สำหรับการออกดอกก็ได้ โดยเพาะเชื้อไว้2-3วันก็จะเห็นเส้นใยเดินเหมือนใยแมงมุมพักไว้ 25-30 วันก็สามารถเปิดปากถุงรดน้ำแต่อย่าให้น้ำเข้าในถุงจะทำให้ก้อนเชื้อเสียได้ รอประมาณ 5-7 วัน ก็จะเกิดดอกเห็ดขึ้นมาให้ท่านได้ชื่นชมแล้วประมาณ 2-3 วันก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว สามารถเก็บดอกจำหน่ายได้ทุกวันจนครบอายุ 5 เดือน

ราคามาตรฐานอยู่ที่ กิโลกรัมละ 20-25 บาท ( เช็ดราคาจริงตามตลาดอีกที )

1 ความคิดเห็น:

  1. เคล็ดลับการเพาะเห็ด
    ถ้าคนไม่มีประสบการณ์เพาะเห็ดเลย ควรเริ่มต้นจากการซื้อก้อนเชื้อสำเร็จที่หยอดเชื้อแล้วไปลองเลี้ยงดูก่อนดูแลรดน้ำให้ออกดอก ถ้าทำตรงนี้จนมีความชำนาญแล้วเราก็อาจจะซื้อก้อนเชื้อสำเร็จมาเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมั่นใจว่าสามารถผลิตก้อนเชื้อเองได้ โดยจะต้องลงทุนเพิ่ม คือ อุปกรณ์หม้อนึ่งฆ่าเชื้อและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น วัสดุดิบ ขึ้เลื่อย เกษตรกรผู้ผลิตควรมองถึงคุณภาพเห็ดด้วย ถ้ามองแต่ว่าจะทำให้ได้วันละ 100-200 กก.ถ้าเราเห็นแต่ปริมาณเราจะไม่ได้ในเรื่องของราคาในช่วงที่อากาศเหมือนๆ กัน เห็ดตัวเดียวกันออกดอกเยอะๆ พร้อมๆ กัน ราคาก็จะถูกลงเหมือนสินค้าอื่น ในขณะที่เราเพาะเห็ดนางฟ้าอยู่เราก็อาจจะเพาะเห็ดหอม เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดโคนญี่ปุ่นด้วย หรือเห็ดอย่างอื่นอีกหลายชนิดที่เราเพาะได้ บางช่วงเห็ดนางฟ้ามีราคาต่ำแต่เห็ดตัวอื่นยังราคาสูงอยู่ ในการเก็บดอก เราจะเก็บดอกที่ตูมไว้อีกนิดและไม่รดน้ำก่อนเก็บ 2 ชั่วโมง เราจะได้เห็ดที่มีคุณภาพและได้ราคาสูง อย่างเห็ดสินค้าตลาดจะไม่เกิน 2-3 วัน ถ้าเราเก็บดอกตูมเราจะยืดเวลาไปได้อีก โดยแช่ไว้ในห้องเย็นจะชะลอการขายได้

    ตอบลบ